ก็จนใจและกลับมาที่กลดของตน รุ่งเช้าสมเด็จฯ ทรงสั่น เพราะผ้าจีวรและข้าวของใช้เปียกหมด สามเณรวิริยังค์. รีบเข้าไปจัดการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ข้าพเจ้าก่อไฟเพื่อถวายสมเด็จฯ ได้ผิงบิดผ้าจีวร ขึงสายระเดียง นำผ้าที่เปียกออกผึ่ง สมเด็จฯ ผิงไฟได้รับความอุ่น ได้บอกขอบใจสมเณรวิริยังค์ สามเณรวิริยังค์ได้เห็นภาพของสมเด็จฯ กำลังนั่งผิงไฟซึ่งมีแต่สบงและอังสะชุ่มๆ รู้สึกสงสารอย่างจับใจ สามเณรวิริยังค์.
สมเด็จกรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าทรงพำนักอยู่หลายวัน วันหนึ่งจึงชวนพระอาจารย์กงมาไปเที่ยวธุดงค์ บอกว่า "กงมา เธอเคยไปเที่ยวธุดงค์ที่ไหน พาเราไปหน่อยได้ไหม" พระอาจารย์กงมาสงสัย และเกิดความเคารพในสมเด็จฯ อย่างสูง คิดว่า "เอ อยู่ดีๆ ยังไงจึงจะให้เราพาไปธุดงค์ จะห้ามก็ไม่ดี ครั้นจะไปก็เป็นห่วงว่าจะต้องไปนอนกับดิน ใต้โคนไม้ อาหารจะไม่ดี แต่ว่าเมื่อพระองค์จะหัดตัดกิเลสก็จำเป็น ไปก็ไป" พระอาจารย์จึงจัดกลดมุ้งบริขารของพระธุดงค์ถวายสมเด็จฯ และบอกให้ สามเณรวิริยังค์. ไปด้วยกัน วันนี้เป็นวันพิเศษแปลกประหลาด สมเด็จพระสังฆราชเจ้าไปธุดงค์กับพวกเรา พอจัดบริขารเสร็จแล้วสมเด็จฯ ก็แบกกลด ตะพายบาตร ตะพายย่าม เช่นกับพระอาจารย์กงมาฯ และ สามเณรวิริยังค์. สามเณรวิริยังค์. จะไปขอแบกกลดแทนก็ไม่ให้ ขอตะพายบาตรให้ก็ไม่ให้ ขอตะพายย่ามให้ก็ไม่ให้ และทรงรับสั่งว่า "เฮ้ยวันนี้ กันเป็นพระธุดงค์" ว่าแล้วก็ให้พระอาจารย์กงมาฯ เดินก่อน และสำทับพระอาจารย์กงมาว่า "นี่ กงมา เธออย่าพูดว่ากันเป็นสมเด็จพระสังฆราชนะ ถ้าใครถามก็บอกว่ากันเป็นหลวงตาก็แล้วกัน" แล้วหันมาที่ สามเณรวิริยังค์. บอกว่า "เณร – เณร อย่าเรียกกันว่าสมเด็จฯ เป็นอันขาด ให้เรียกกันว่าหลวงตา" เป็นว่าพระอาจารย์กงมาเดินก่อน สมเด็จฯ เดินตามพระอาจารย์กงมา สามเณรวิริยังค์.